วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บทที่ 7 การรับ-ส่งอีเมลด้วย G-mail

บทที่ 7 การรับ-ส่ง การจัดการ G-mail


G-mail คืออะไร

              แนะนำตัวนิดนึงนะค้ะ สำหรับ G-mail หรือ google mail หนึ่งในบริการดีๆจาก google ที่จะทำให้เราสามารถมีอีเมล(จดหมายอิเล็กทรอนิกส์)เป็นของตัวเองได้ โดยสามารถเขียนจดหมาย อีเมล ไปยังผู้รับที่เราต้องการได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น hotmail yahoo และอื่นๆอีกมากมาย บริกา g-mail นี้ ไม่มีค่าใช้จ่าย 
เริ่มเข้าใช้งาน อีเมล G-mail
                   ให้เราทำการเปิดเว็บเบราเซอร์นะครับ แล้วเข้าไปยังเว็บไซต์หลักของ google ได้เลย โดยพิมพ์ http://www.google.com จากนั้นสังเกตุทางด้านขวามือบนสุดของจอภาพนะครับ จะมีปุ่มให้คลิก ลงชื่อเข้าสู่ระบบ ให้เราคลิกซ้ายเพื่อเข้าสู่ระบบได้เลยครับ

วิธีการเขียนอีเมลจดหมายด้วย Gmail

          หลังจากที่เข้ามาแล้วให้เราทำการคลิกที่ช่อง “อีเมล” เพื่อกรอกข้อมูลชื่อบัญชีของเรา เช่น test@gmail.com  และช่องด้านล่างให้เรากรอกรหัสผ่านเข้าใช้งาน

วิธีการเขียนอีเมลจดหมายด้วย Gmail

หลังจากที่เข้าสู่บัญชีเรียบร้อยแล้ว บางครั้ง ระบบจะเด้งกลับมาที่หน้าหลัก ให้เราคลิกที่ “Gmail” อีกครั้งเพื่อไปยังหน้าหลักของระบบครับ
หรือถ้าใครไม่เด้งมาหน้าหลัก ก็ไม่เป็นไรครับผม ไปขั้นตอนต่อไปได้เลย
วิธีการเขียนอีเมลจดหมายด้วย Gmail
                     หน้าหลักของระบบ Gmail หรือ Google mail
        ในส่วนของหน้าหลักนี้นะครับ จะมีส่วนหลักๆอยู่ สามส่วนเลย คือ
      ด้านซ้ายจะเป็นเมนูหลักต่างๆของ gmail ไม่ว่าจะเป็น
  •     ปุ่มเขียน เพื่อเริ่มเขียนอีเมล หรือจดหมาย
  •     กล่องจดหมาย  เป็นกล่องจดหมายหลักทั้งหมดของเรา
  •     ติดดาว,สำคัญ, และรายการอีเมลอื่นๆที่เราแบ่งไว้เป็นแฟ้มต่างๆเพื่อแยกประเภท
แท็บด้านบน จะใช้ค้นหาอีเมลของเราทั้งหมด  และตรงกลางเนื้อหาหลัก จะเป็นรายการอีเมลต่างๆ โดยแยกเป็นสองสีๆนะครับสังเกตุได้
  •     สีขาว คือ จดหมาย หรือ อีเมลนั้นยังไม่ได้อ่าน
  •     สีเทา คือ จดหมาย หรือ อีเมล ที่เราอ่านแล้ว
ให้เราคลิกที่ปุ่ม “เขียน” เพื่อเริ่มเขียนอีเมลกันได้เลยครับ
อธิบายวิธีการเขียนอีเมลจดหมายด้วย Gmail
                   หากเราเขียนอีเมลครั้งแรกจะพบกับรูปด้านล่างนี้นะครับ ให้คลิกที่ รับทราบ ส่วนนี้จะเป็นรูปแบบใหม่ของการเขียนอีเมลจาก gmail
วิธีการเขียนอีเมลจดหมายด้วย Gmail

              ในหน้าต่างเล็กที่เขียนว่า ข้อความใหม่ นี่คือช่องที่เราจะกรอกข้อมูลต่างๆเพื่อส่งอีเมลหาผู้รับนะครับ สิ่งที่เราต้องมีคือ
  • อีเมลผู้รับ เช่นตัวอย่างนะครับ kaka@gmail.com , yentafo@hotmail.com 
  • หัวเรื่องอีเมล เพื่อบอกรายละเอียดหัวเรื่องให้กับผู้รับว่า เราเขียนอีเมลเรื่องอะไรให้เขานะครับ
  • เนื้อหา รายละเอียด   ตรงนี้เราใส่ตามต้องการได้เลยครับ พิมพ์เป็นข้อความต่างๆได้เลย หรือจะแนบไฟล์ รูปภาพ 

วิธีการเขียนอีเมลจดหมายด้วย Gmail

             กรอกข้อมูลกันเสร็จเรียบร้อยแล้วครบทุกหัวข้อ ให้เราตรวจสอบความถูกต้องก่อนส่งนะครับ ถ้าแน่ใจแล้วว่าถูกต้องทุกอย่างให้เราคลิกที่ปุ่ม “ส่ง” ได้เลยครับ
วิธีการเขียนอีเมลจดหมายด้วย Gmail

ระบบจะทำการแจ้งสถานะของการส่งอีเมล ว่าเรียบร้อย ข้อความของคุณถูกส่งแล้ว
วิธีการเขียนอีเมลจดหมายด้วย Gmail

                     หากเราเป็นผู้รับอีเมล หรือมีเพื่อนๆ ส่งอีเมลมาถึงเรา ให้เราลองคลิกที่ปุ่ม รีเฟรช เพื่ออัพเดทรายการอีเมลต่างๆของเรา ล่าสุด เพราะบางทีเพื่อนๆส่งมาแล้วแต่เรายังไม่เห็น จดหมาย หรืออีเมลนั้น ต้องทำการ รีเฟรชหน้า เพื่อให้เราได้รับอีเมลล่าสุดจากระบบด้วยครับ
วิธีการเขียนอีเมลจดหมายด้วย Gmail

                     หากเราต้องการอ่านจดหมายนั้นให้คลิกที่จดหมาย หรือ อีเมลที่เราต้องการอ่าน จะปรากฏรายละเอียดทั้งหมดของอีเมลนั้น ดังตัวอย่างในรูปด้านล่างครับ
วิธีการเขียนอีเมลจดหมายด้วย Gmail
วิธีแนบไฟล์ต่างๆไปพร้อมกับ อีเมล
             หากเราต้องการแนบไฟล์เข้าไปในจดหมาย หรือ อีเมล ที่เราต้องการส่ง เช่น ไฟล์ word , document ,power point ,งานต่างๆ ให้เราคลิกที่ปุ่ม แนบไฟล์ (รูปคลิปหนีบกระดาษ)ด้านล่างของหน้าต่าง ดังรูปด้านล่างเลยครับผม 
วิธีการแนบไฟล์อีเมลจดหมายด้วย Gmail
         จากนั้นระบบจะทำการป็อปอัพหน้าต่างใหม่มาให้เราได้เลือกไฟล์ที่เราต้องการแนบไปในอีเมลนั้น จากคอมพิวเตอร์ของเรา ให้เราทำการเลือกไฟล์ที่เราต้องการแนบได้เลยครับ คลิกที่ไฟล์ที่เราต้องการแล้วคลิก open
วิธีการแนบไฟล์อีเมลจดหมายด้วย Gmail
 ระบบจะทำการอัพโหลด หรือ แนบไฟล์เข้าไปในอีเมลที่เราต้องการส่ง ขั้นตอนนี้ใช้เวลานิดนึงนะครับ ช้าเร็วขึนอยู่กับขนาดของไฟล์ครับระหว่างรอให้เรากรอกข้อมูลอื่นๆ ที่ยังไม่ได้กรอก ได้เลยครับ อย่าเพิ่งส่งอีเมลจนกว่าจะอัพโหลดไฟล์เมื่อสักครู่เสร็จเรียบร้อยนะครับ
วิธีการแนบไฟล์อีเมลจดหมายด้วย Gmail
 ถ้าเราต้องการแนบไฟล์เพิ่ม ให้เราทำขั้นตอนเมื่อสักครู่อีกรอบได้เลยครับ
วิธีแนบไฟล์รูปภาพลงในเนื้อหาของอีเมล
หาเราต้องการเพิ่มรูปภาพลงในเนื้อหาของอีเมล ให้เราคลิกที่รูปกล้องถ่ายรูป (แทรกรูปภาพ) นะครับ
วิธีการแนบไฟล์รูปภาพ อีเมลจดหมายด้วย Gmail

ระบบจะแสดงหน้าต่างเพิ่มภาพ ให้เราทำการคลิกที่ choose file นะครับ เพื่อเลือกรูปภาพจากคอมพิวเตอร์ของเรา
วิธีการแนบไฟล์รูปภาพ อีเมลจดหมายด้วย Gmail
 จากนั้นให้เราทำการเลือกรูปภาพที่ต้องการ คล้ายๆกับการ แนบไฟล์ในขั้นตอนก่อนหน้านี้เลยครับ  คลิกที่รูปแล้ว คลิกที่ open ครับ
วิธีการแนบไฟล์รูปภาพ อีเมลจดหมายด้วย Gmail
 สังเกตุนะครับว่า เราต้องรอระบบทำการ อัพโหลดรูปเข้าไปในจดหมาย ระหว่างนี้หากเราต้องการอัพโหลดรูปเพิ่ม ให้ทำซ้ำขั้นตอนเดิมนะครับหากรูปที่เราอัพโหลดเสร็จ จะแสดงรูปเล็กๆให้เราเห็น ดังรูปตัวอย่างด้านล่างนี้ครับ ถ้าเราไม่ต้องการอัพโหลดเพิ่มเติมแล้วให้คลิกที่ “ตกลง
วิธีการแนบไฟล์รูปภาพ อีเมลจดหมายด้วย Gmail
 รูปที่เราอัพโหลดเมื่อสักครู่ก็จะมาปรากฏในหน้าต่างของการเขียนอีเมลครับ ถ้ากรอกข้อมูลครบทุกอย่างแล้ว ให้เราคลิก “ส่ง” ได้เลยครับ
วิธีการแนบไฟล์รูปภาพ อีเมลจดหมายด้วย Gmail
 วิธีเช็คอีเมล กรณีที่เราได้รับอีเมลจากเพื่อนๆ หรือ ผู้ส่ง
หากมีเพื่อนๆหรือ มีใครส่งอีเมลหาเรานะครับ เราจะอ่านอีเมลนั้น ให้คลิกที่รายการตามที่เราต้องการอ่านได้เลย ดังรูปด้านล่าง
วิธีการแนบไฟล์รูปภาพ อีเมลจดหมายด้วย Gmail
 ซึ่งในอีเมล หรือ จดหมายฉบับนั้นนะครับ จะมีชื่ออีเมลของผู้ที่ส่งมาให้เรา และ เนื้อหาต่างๆ รวมไปถึง ไฟล์ที่งาน ไฟล์รูป ที่ได้แนบมาด้วยครับ หากต้องการดาวน์โหลดก็สามารถคลิกเพื่อทำการดาวน์โหลด ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้เลย
วิธีการแนบไฟล์รูปภาพ อีเมลจดหมายด้วย Gmail
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับการ รับ-ส่ง อีเมล เขียนอีเมล ครั้งแรก อาจดูยุ่งยากหรือ ซับซ้อนในบางขั้นตอนนะครับ แอดมินแนะนำว่าให้ลองอ่านผ่านๆสักหนึ่งรอบ แล้วค่อยลองลงมือทำ พร้อมกับ เปิดบทความนี้ดูเป็นแนวทาง

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บทที่6 การจัดการกับไวรัส

การจัดการกับไวรัส

  • ทำความรู้จักกับไวรัส 


         ไวรัส คือโปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้และถ้ามีโอกาสก็สามารถแทรกเข้าไประบาดในระบบคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาดิสก์ที่ติดไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้อีกเครื่องหนึ่ง หรืออาจผ่านระบบเครือข่ายหรือระบบสื่อสารข้อมูลไวรัสก็อาจแพร่ระบาดได้เช่นกัน การที่คอมพิวเตอร์ใดติดไวรัส หมายถึงว่าไวรัสได้เข้าไปผังตัวอยู่ในหน่วยความจำ คอมพิวเตอร์ เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากไวรัสก็เป็นแค่โปรแกรม ๆ หนึ่งการที่ไวรัสจะเข้าไปอยู่ ในหน่วยความจำได้นั้นจะต้องมีการถูกเรียกให้ทำงานได้นั้นยังขึ้นอยู่กับประเภทของไวรัส แต่ละตัวปกติผู้ใช้มักจะไม่รู้ตัวว่าได้ทำการปลุกคอมพิวเตอร์ไวรัสขึ้นมาทำงานแล้ว จุดประสงค์ของการทำงานของไวรัสแต่ละตัวขึ้นอยู่กับตัวผู้เขียนโปรแกรมไวรัสนั้น เช่น อาจสร้างไวรัสให้ไปทำลายโปรแกรมหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ แสดงข้อความวิ่งไปมาบน หน้าจอ เป็นต้น 


  • อาการของเครื่องคอมที่ติดไวรัส 


          เนื้อที่ในฮาร์ดดิสก์ลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยไม่ได้ลงโปรแกรม หรือนำข้อมูลมาลง วินโดวส์แสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ข้อความโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือมีโปรแกรมบางตัวทำงานโดยที่ไม่ได้สั่ง คอมพิวเตอร์ทำงานช้า อืดผิดปกติทั้งๆที่ไม่ได้ใช้โปรแกรมอะไร ไฟล์ข้อมูลมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก ทุกครั้งที่ใช้งาน เปิดหรือการโหลด เข้าใช้งานโปรแกรมเข้าสู่หน่วยความจำใช้เวลานานขึ้น เครื่องคอมพิวเตอร์เกิดอาการแฮงค์ (Hang) โดยไม่ทราบสาเหตุ อยู่ดีๆโปรแกรมก็ปิดเอง เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ได้ บูตเครื่องจากฮาร์ดดิสก์ไม่ได้ เปิดไฟล์เอกสารไม่ได้ทั้งๆที่เคยเปิดอยู่ทุกวัน หรือเปิดได้แต่เป็นตัวอักษรประหลาดๆ ปนมาด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์มีการกระทำที่แปลกๆ สุดแต่ผู้เขียนโปรแกรมไวรัสจะกำหนดมา เช่น อาจส่งเสียงพิสดารต่างๆ หรือกดอักษร A หนึ่งครั้ง ก็แสดงอักษร A ออกมาได้หลายสิบตัว เปิดเล่น โปรแกรม IE, Mozilla Firefox เข้าเว็บ สแกนไวรัส.com แล้วมีข้อความโฆษณาหรือข้อความแปลกๆขึ้นที่หน้าจอ โปรแกรมป้องกันไวรัสไม่สามารถเปิดได้ หรือเปิดโปรแกรมต่างๆ ไม่ได้ อยู่ดีๆโปรแกรมที่ใช้ทุกวันก็หายไป เครื่องมีการรีสตาร์ทหรือปิดเองขณะใช้งาน หรือไม่สามารถบูตเข้าวินโดวส์ได้ ฮาร์ดดิสก์ หรือ CPU ทำงานมากอย่างผิดสังเกต หรือไฟแสดงการทำงานของอุปกรณ์เครือข่าย (เช่น Broadband Modem, Hub, Switch) ติดตลอดเวลา โดยที่ท่านไม่ได้ใช้งานอะไรเป็นพิเศษ มีไฟล์ต่างๆ เช่น Autorun.inf หรือไฟล์นามสกุล .vbs ในไดรฟ์ต่างๆ โดยที่ไม่ได้สร้างขึ้น ข้อความที่ปกติไม่ค่อยได้เห็นกลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อย ๆ เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ แป้นพิมพ์ทำงานผิดปกติหรือไม่ทำงานเลย ไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เคยใช้อยู่ ๆ ก็หายไป


  •  ทำความรู้จัก Noeton Antivirus 


        หยุดไวรัสเวิร์มสปายแวร์บอทและจะมีต่อระบบป้องกันภัย คุกคามทุกชนิดที่เป็นอันตราย Norton Insight – มอบเทคโนโลยีปัญญาขับเคลื่อนนวัตกรรมเร็วน้อยสแกนสั้นรวดเร็วปรับปรุงชีพจรทุก 5 ถึง 15 นาทีให้คุ้มครองถึงนาทีสุดท้ายป้องกันการติดเชื้อไวรัสอีเมลและข้อความโต้ตอบแบบทัน ทีจากการแพร่กระจายความรู้สึกปลอดภัยในขณะที่คุณให้ต ิดต่อ บล็อกเบราว์เซอร์หาประโยชน์และป้องกันเว็บไซต์ที่ติด เชื้อ ที่นี่มีคุณสมบัติที่สำคัญคือ”Norton AntiVirus”


  •  คุณสมบัติโปรแกรม Norton AntiVirus 


          1.ใช้ทรัพยากรเครื่องที่น้อย หรือพูดง่ายๆใช้พื้นในการติดตั้งน้อย ไม่กินแรมจนทำให้เครื่องอืดนั่นแหละครับ
          2. สามารถตรวจสอบสายพันธุ์ไวรัสได้จำนวนมาก แม่นยำ และฉับไวครับ
          3.มีการ Update ฐานข้อมูลของสายพันธุ์ ไวรัสตลอดเวลาครับ ถ้าหากจะให้ดีอัพเดตตลอดทุกวันนั่นแหละครับเพราะว่าไวรัสนั้นเกิดขึ้นใหม่ทุกวันครับ
         4.สามารถสอย เอ๊ย จัดการเจ้าไวรัสนั้นได้ก่อนที่มันจะมาทำลายข้อมูลงานของเราและยังสามารถที่จะซ่อมไฟล์ที่ถูกไวรัส นั้นแทรกซึมบางส่วนให้กลับมาเป็นปกติได้ครับ
         5.มีหน้าตาที่ใช้งานง่าย เข้าใจง่าย


  •  อัพเดต Noeton Antivirus เพื่อป้องกันไวรัสใหม่ๆ 

         1. ให้เราไปที่เว็บ Download English Updates ของ Symantec เพื่อทำการดาวน์โหลดตัวอัพเดทไวรัสมาใหม่ โดยเราต้องดาวน์โหลดให้ตรงกับระบบของเรา เช่น symrapidreleasedefsx86.exe จะเป็นดัวอัพเดทโปรแกรมที่อยู่บนระบบ 32 bit (ซึ่งส่วนคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นระบบนี้) และให้สังเกตุว่าตัวที่เราจะดาวน์โหลดนั้นใช้ได้กับ Norton AntiVirus เวอร์ชั่นที่เราใช้อยู่ เช่นที่ศรชี้ จะใช้ได้กับเวอร์ชั่น 2005 ถึง 2007 และ ยังใช้กับ Norton 360 เวอร์ชั่น 1.0 ได้ด้วย หรือ ถ้าหากรู้ว่าโปรแกรมที่เราใช้เป็นระบบ 32 bit
       2. เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วให้ทำการดับเบิ้ลคลิก เพื่อทำการรันโปรแกรมที่เราดาวน์โหลดมา
       3. คลิกที่ปุ่ม Yes
       4. โปรแกรมจะทำการอัพเดทตัว Antivirus
       5. เมื่อเสร็จแล้วก็คลิกปุ่ม OK ก็เป็นอันเสร็จ 

  • Windowes Defender จัดการกับสปายแวร์ที่มากับอินเทอร์เน็ต 

          Windows Defender, ซึ่งส่งมาพร้อมกับ Windows เวอร์ชั่นนี้, จะช่วยป้องกัน ซอฟท์แวร์ชั่วร้าย, สปายแวร์, รวมทั้งซอฟท์แวร์ซ่อนเร้นที่ไม่พึงประสงค์ตัวอื่น ๆ ไม่ให้เข้ามาติดที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ เมื่อเปิดการทำงานของ Windows Defender, คุณจะได้รับการแจ้งเตือน ถ้าหากว่ามีสปายแวร์และซอฟท์แวร์ซ่อนเร้นที่ไม่พึงประสงค์ตัวอื่น ๆ พยายามที่จะรัน หรือ ทำการติดตั้งตัวมันเองบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณสามารถเลือกได้ว่า คุณต้องการที่จะเพิกเฉย, ทำการกักกันเอาไว้, หรือจะกำจัดมันออกไป ในแต่ละไอเท็มที่ถูกตรวจจับได้

วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บทที่5 แชทออนไลน์

บทที่ 5  แชทออนไลน์



          การสนทนาออนไลน์ หรือที่เรียกว่า Chat (IRC : Internet Relay Chat) เป็นการสื่อสารในลักษณะของข้อความ ภาพ หรือเสียง ที่ทำให้คู่สนทนาสามารถโต้ตอบได้ทันที เป็นรูปแบบของการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในปัจจุบัน ซึ่งการสนทนาออนไลน์นั้นจะมีรูปแบบการสื่อสารแตกต่างไปจากการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) เพราะลักษณะการสื่อสารโดยใช้อีเมลนั้น เหมือนกับการส่งจดหมายทั่ว ๆ ไป คือผู้ส่งจะต้องทราบที่อยู่ของผู้รับจึงจะสามารถส่งจดหมายได้ ถึงแม้ว่าการส่งอีเมลนั้นสามารถที่จะส่งได้ทั้งข้อความ ภาพ เสียง เช่นเดียวกับการสนทนาออนไลน์ก็ตาม แต่จะไม่สามารถโต้ตอบกันได้ในทันที เสมือนกับเมื่อเราเขียนจดหมายไปหาเพื่อนเราก็ต้องส่งที่ตู้จดหมาย บุรุษไปรษณีย์ก็จะนำจดหมายจากตู้ส่งไปยังผู้รับตามที่อยู่ ฉะนั่น จดหมายจะไม่สามารถส่งถึงกันได้ในทันทีทันใด จะต้องมีระยะเวลาที่บุรุษไปรษณีย์ เดินทางนำจดหมายไปส่งให้ผู้รับตามที่อยู่ด้วย

          ดังนั้น การสนทนาออนไลน์จะทำให้เราสามารถสื่อสารกันได้ทันที และเราไม่จำเป็นต้องทราบที่อยู่ของคู่สนทนาก็สามารถพูดคุยกันได้ เพียงแต่คู่สนทนาของเรานั้นต้องอยู่ภายในห้องสนทนา หรือที่เรียกว่า Chat Room เดียวกันก็สามารถสื่อสารกันได้ และการสื่อสารในรูปแบบการสนทนาออนไลน์นั้น สามารถสนทนากับคู่สนทนาพร้อมกันได้หลาย ๆ คน เหมือนกับการเปิดเข้าไปในห้องสนทนาซึ่งภายในห้องนั้นจะมีเพื่อน ๆ อยู่จำนวนมาก เราสามารถเลือกคู่สนทนาได้ และคนอื่น ๆ ก็สามารถที่จะขอสนทนากับเราได้ด้วยในเวลาเดียวกัน

 รูปแบบการสนทนาออนไลน์ (Chat)

การสนทนาออนไลน์จะมีหลายรูปแบบ โดยแบ่งตามวิธีการสื่อสาร ดังต่อไปนี้ 

การสนทนาออนไลน์ผ่านเซิร์ฟเวอร์กลาง


          เป็นลักษณะการสนทนาแบบเป็นกลุ่ม โดยผู้สนทนาจะพิมพ์ข้อความที่ต้องการสื่อสารผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ และเซิร์ฟเวอร์จะส่งข้อความเหล่านั้นออกมาแสดงบนหน้าจอของทุกคนที่กำลังติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์อยู่ ซึ่งเราจะเรียกว่า “ห้องสนทนา” (Chat Room) โดยจะจัดแบ่งห้องสนทนาตามหัวข้อที่ต้องการจะสื่อสารกัน เพื่อให้คนที่ต้องการพูดคุยกับบุคคลภายในห้องสนทนานั้นสามารถเปิดเข้าไปพูดคุยในห้องสนทนา หรือในหัวข้อเรื่องที่เราสนใจได้ เช่น ห้องการ์ตูน ห้องการศึกษา ห้องการเมือง ห้องภาพยนตร์ ห้องเพลง เป็นต้น ภายในห้องจะมีคนหลาย ๆ คนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน สามารถพูดคุยกันภายในกลุ่มด้วยการพิมพ์ข้อความโต้ตอบกันและเป็นการพูดคุยพร้อม ๆ กันหลายคน

 วิธีการสนทนาออนไลน์ผ่านทางเซิร์ฟเวอร์กลาง จะมีเทคนิคเพื่อให้เลือกใช้บริการ ดังนี้

           1. การสนทนาออนไลน์ผ่านโปรแกรม คือ ลักษณะกานสนทนาด้วยข้อความในห้องสนทนาโดยใช้โปรแกรมบนแต่ละเครื่องของผู้ใช้ ซึ่งจะใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทำให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก แบะมีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกมากมาย เช่น PIRCH, mIRC และ Comic Chat ติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์กลางซึ่งจะทำงานในระบบ IRC (Internet Relay Chat) ซึ่งเป็นมาตรฐานหนึ่งของระบบอินเทอร์เน็ต

           2. การสนทนาออนไลน์ผ่านเว็บ (Web Chat) คือ รูปแบบของการนำวิธีการทำงานบนเว็บเซิร์ฟเวอร์มาทำให้เกิดห้องสนทนา (Chat Room) บนเว็บเพจของผู้ที่เข้าไปใช้บริการ โดยไม่ต้องมีโปรแกรมรันอยู่บนเครื่องของผู้สนทนา ปัจจุบันการสนทนาออนไลน์ผ่านเว็บได้นำเทคโนโลยี “จาวา” (Java) มาใช้ในการเขียนโปรแกรมที่สามารถรันได้ทันทีบนเว็บเบราว์เซอร์โดยไม่ต้องทำการติดตั้ง ซึ่งเป็นการเพิ่มลูกเล่นให้ห้องสนทนามีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้นทำให้น่าสนใจ การเริ่มใช้งานครั้งแรกจะต้องดาวน์โหลดโปรแกรม Java Applet มาทำการติดตั้งก่อน แล้วจะสามารถเริ่มสนทนาได้ ซึ่งโปรแกรมจะทำงานโดยติดต่อกับเครื่องที่เป็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์กลางด้วยระบบ IRC หรือจะทำงานกับเว็บเซิร์ฟเวอร์เลยก็ได้

ขั้นตอนการสนทนาแบบ Chat Room 

           1. พิมพ์ URL ที่ช่อง Address : http://www.sanook.com
           2. คลิกเลือกที่ คุยสด จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ Java Chat ซึ่งจะต้องติดตั้งโปรแกรม Java Applet ก่อน จึงจะสามารถสนทนารูปแบบนี้ได้ Classic Chat เป็นรูปแบบดั้งเดิมของการสนทนาออนไลน์โดยผ่านเซิร์ฟเวอร์ สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใด ๆ เพิ่มเติม
           3. เมื่อเลือก Classic Chat จะมีรายชื่อของห้องสนทนาต่าง ๆ ภายในเซิร์ฟเวอร์แสดงออกมาให้ผู้ใช้ได้เลือกตามความสนใจ เพื่อจะได้เข้าไปคุยกับเพื่อน ๆ ภายในห้องสนทนาที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน
           4. เมื่อเลือกห้องที่ต้องการสนทนาได้แล้ว จะปรากฏเว็บเพจในการแนะนำวิธีการ Log on เพื่อขอใช้บริการ พร้อมทั้งให้พิมพ์ชื่อ และสีของข้อความที่ต้องการใช้ในระหว่างการสนทนา เมื่อกำหนดเรียบร้อยแล้วให้คลิกที่ “เข้าห้อง”
           5. เมื่อเข้าไปภายในห้องสนทนาแล้ว จะปรากฏชื่อของสมาชิกทั้งหมาดภายในห้องสนทนานี้ และการสนทนาสามารถเลือกได้ว่าเราจะส่งข้อความถึงใคร หรือส่งถึงทุกคนในห้องก็ได้ แต่ข้อความที่แสดงบนหน้าจอ ทุกคนที่อยู่ภายในห้องสนทนานั้นจุเห็นด้วยกันทั้งหมด
           6. เมื่อเลือกผู้สนทนาที่เราต้องการส่งข้อความถึงแล้วนั้น เราก็ทำการพิมพ์ข้อความที่ต้องการจะส่งไป แล้วเลือกคลิกที่ Update ข้อความของเราจะไปปรากฏบนหน้าจอของทุกคนที่ใช้ห้องสนทนานี้
           7. เมื่อต้องการออกจากห้องสนทนา ให้คลิกที่ Logoff
           8. เพียงการทำงานตามขั้นตอนนี้ เราก็สามารถเข้าไปสนทนายังห้องสนทนาต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องทำการลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ที่ให้บริการเล่านั้น และเมื่อทำการ Logoff ออกจากห้องสนทนาห้องใดห้องหนึ่งแล้ว ก็สามารถที่จะเปลี่ยนไปสนทนายังห้องอื่น ๆ ต่อไปได้อีก 

การสนทนาออนไลน์โดยตรงระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ต

           วิธีการสนทนาออนไลน์รูปแบบนี้จะไม่ต้องผ่านเซิร์ฟเวอร์ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “การรับส่งสารแบบทันทีทันใด” หรือ Instant Messaging เช่น โปรแกรม ICQ,MSN Messenger, Yahoo Messenger, Windows Messenger เป็นต้น การสนทนาในรูปแบบนี้จะใช้โปรแกรมที่ถูกออกแบบสำหรับการใช้งานโดยเฉพาะ มีลูกเล่นที่จะอำนวยความสะดวกในการสนทนา จะเป็นรูปแบบเป็นต้น การสนทนาในรูปแบบนี้จะใช้โปรแกรมที่ถูกออกแบบสำหรับการใช้งานโดยเฉพาะ มีลูกเล่นที่จะอำนวยความสะดวกในการสนทนา จะเป็นรูปแบบของการสนทนาแบบตัวต่อตัว มิใช่ลักษณะการสนทนาในแบบห้องสนทนา หรือการสนทนาแบบเป็นกลุ่มเหมือนกับรูปแบบของการสนทนาโดยผ่านเซิร์ฟเวอร์กลาง และจะไม่ทำให้การสนทนารูปแบบนี้ช้า ถึงแม้ว่าจะมีผู้ใช้พร้อมกันจำนวนมากก็ตาม

ขั้นตอนการสนทนาแบบ Instant Messaging 


       1. พิมพ์ URL ที่ช่อง Address : http://messenger/yahoo.com
       2. เมื่อปรากฏหน้าจอของ Yahoo! Messenger เรียบร้อยแล้ว จะประกอบด้วย 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 เป็นสมาชิก E-mail ที่ yahoo.com ให้คลิกเลือกที่ Sing In จะปรากฏหน้าจอของการ Login เข้าไปยัง yahoo.com โดยจะใช้ Yahoo! ID และ Password เช่นเดียวกับการ Login เข้าไปยังการใช้งาน E-mail ของ yahoo.com กรณีที่ 2 ยังไม่ได้เป็นสมาชิก E-mail ที่ yahoo.com ให้คลิกเลือกที่ Sing Up จะให้ทำการลงทะเบียนสมาชิกโดยจะมีรูปแบบเช่นเดียวกับการสมัครเป็นสมาชิกเพื่อขอใช้ E-mail ใน yahoo.com
        3. คลิกที่ Features เพื่อดูรายละเอียดของโปรแกรมและจะสามารถดาวน์โหลดโปรแกรม messenger ของ yahoo.com ซึ่งจะมีรายละเอียดเพื่อให้ได้ศึกษาก่อน
        4. เมื่อคลิกเลือก Download แล้ว จะมีหน้าต่าง File Download ให้เลือกที่ Open โปรแกรมจะทำการดาวน์โหลดให้จนกว่าจะเสร็จเรียบร้อย
        5. เมื่อดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้ว จะปรากฏหน้าต่าง Yahoo! Messenger Installation เพื่อทำการติดตั้งโปรแกรม Yahoo! Messenger ให้คลิกที่ Next เพื่อเริ่มต้นการติดตั้งโปรแกรม และทำตามขั้นตอนของการติดตั้งโปรแกรมไปจนกว่าจะเสร็จเรียบร้อยทุกขั้นตอน
        6. เมื่อติดตั้งโปรแกรมที่ใช้ในการสนทนาเรียบร้อยแล้วจะปรากฏหน้าต่าง Sing In เพื่อใช้งานในลำดับต่อไป
        7. เมื่อ Sign In โดยกำหนด Yahoo! ID และ Password ถูกต้องแล้วจะทำการติดต่อไปยัง Yahoo! ซึ่งจะปรากฏ Yahoo! ID ของผู้ขอใช้บริการด้วย เช่น Connecting to Yahoo! as s kulrapee
        8. จะทำการเพิ่มชื่อใน Messenger List โดยคลิกที่ Add ปรากฏหน้าต่าง Add to Messenger List ให้กรอกข้อมูลตามช่อที่กำหนดให้
        9. ให้ทำการเลือกห้องสนทนาที่ต้องการจะเข้าไปคุยกับบุคคลต่าง ๆ ที่อยู่ภายในห้องนั้นโดยจัดห้องตามกลุ่มที่มีความสนใจในเรื่องต่าง ๆ กันไป เมื่อเลือกกลุ่มที่จะสนทนาได้แล้วให้คลิกที่ Go to Room เพื่อเข้าไปยังห้องสนทนาห้องที่ได้ทำการเลือกไว้
         10. ถ้าต้องการที่จะคุยกับคนใด ก็สามารถที่จะคลิกเลือกตามรายชื่อที่ปรากฏอยู่ภายในห้องนั้น หรือถ้ามีคนใดที่ต้องการจะคุยกับเรา ก็สามารถที่จะคลิกมาที่ชื่อของเราได้เช่นกัน
         11. ที่แถบสถานะ (status bar) จะปรากฏรายชื่อของผู้ที่กำลังสนทนาอยู่กับเรา และการสนทนานั้นจะสามารถสนทนากันได้หลายรูปแบบ เช่น ข้อความ กล้อง webcam เสียง หรือรูปภาพ
         12. จะมีสัญลักษณ์ของ Yahoo! Messenger อยู่ที่หน้าจอ Desktop เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อการสนทนาในครั้งต่อ ๆ ไป

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บทที่4 การรักษาความปลอดภัยและการปรับแต่งระบบ

                                                       ปรับแต่งการทำงานของไฟร์วอล์

         ไฟร์วอล คือระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายที่ใช้เทคโนโลยีอิน เทอร์เน็ต รวมทั้งอินทราเน็ต และเอ็กซ์ทราเน็ตโดยไฟร์วอลล์จะถูกติด ตั้งคั่นกลางระหว่างเครือข่ายภายใน (“เครือข่ายที่ได้รับความไว้วางใจ” หรือ Trusted Network) ที่ต้องการป้องกันกับเครือข่ายอื่นภายนอก (“เครือข่ายที่ไม่ได้รับความไว้วางใจ” หรือ Untrusted Network) เช่น ระหว่างเครือข่ายภายในขององค์กรกับอินเทอร์เน็ต หรือระหว่างเครือ ข่ายของหน่วยงานย่อยภายในองค์กรกับเครือข่ายของหน่วยงานอื่น ๆ ภายในองค์กรเดียวกัน (เช่น ระหว่างเครือข่ายของฝ่ายทรัพยากรบุคคล กับเครือข่ายกลางของบริษัท) เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลที่ส่งผ่านเข้า ออกจากเครือข่ายว่าได้รับสิทธิในการผ่านนั้นหรือไม่ ตามกฎเกณฑ์ ความปลอดภัยที่ผู้ดูแลเครือข่ายภายในกำหนดเอาไว้ได้จากจุดเดียวช่วย ให้ทำการดูแลระบบเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทของไฟร์วอลล์ ไฟร์วอลล แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. Packet Filtering
2. Application Gateway
3. Stateful Inspection

 ความสามารถของไฟร์วอลล์

 1. การกำหนดและตรวจสอบสิทธิในการผ่านเข้าออก (Access Control)
                                   
                                          

        ผู้ดูแลเครือข่ายภายในสามารถกำหนดให้การใช้งานบางอย่างสามารถผ่านเข้า หรือออกเครือข่ายภายในได้ และในขณะเดียวกันป้องกันการคุกคามความปลอด ภัยได้ โดยสามารถกำหนดให้มีการเตือนเมื่อมีการคุกคาม เช่น คุณอาจกำหนด ให้ผู้ใช้ภายในส่งข้อมูลออกไปยังภายนอกได้ แต่ไม่ยอมให้ดูเว็บไซท์ ผู้ใหญ่ อย่าง www.playboy.com ในขณะเดียวกันยอมให้ผู้ใช้งานเว็บจากภายนอกเข้า มาดูข้อมูลบนเว็บไซท์ขององค์การได้ แต่ไม่สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ ภาย ในได้โดยหากมีความต้องการเข้าถึงข้อมูลนอกเหนือจากนี้ให้สงสัยอาจเป็นการ คุมคามและให้มีการเตือนเพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถป้องกันหรือจัดการกับผู้ บุก รุกต่อไปได้ ดังในรูป

2. การตรวจสอบผู้ใช้ ( Authentication )

                                             
         
           ผู้ใช้จากภายนอก ซึ่งอาจเป็นบุคคลอื่นนอกองค์กรของคุณที่ได้รับอนุญาต เช่น พันธมิตรทางธุรกิจ หรืออาจเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์กรของคุณที่ทำงานจาก ระยะไกล (Telecommuters) สามารถเชื่อมต่อจากภายนอกเพื่อเข้ามาใช้งานข้อมูลเฉพาะอย่างบน เครือข่ายภายในได้ โดยผู้ใช้จากภายนอกจะต้องผ่านการตรวจสอบก่อน เช่น การให้ป้อน ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน ดังในรูปที่ 2 หรืออาจใช้วิธีตรวจสอบที่รัดกุมยิ่งขึ้น เช่น การใช้บัตรแถบ แม่เหล็กหรือสมาร์ทการ์ดและรหัสผ่าน การตรวจสอบลายนิ้วมือ ลายมือ หรือ ลายม่านตา เป็นต้น โดยไฟร์วอลล์จะส่งต่อการตรวจสอบไปยังเซิร์ฟเวอร์ตรวจสอบผู้ใช้ (Authentication Server) หากผ่านการตรวจสอบจึงจะเปิดทางให้ผู้ใช้คนนั้นเข้าถึงข้อมูลได้ 

3. การเข้ารหัสข้อมูล
  
            เราสามารถใช้อินเทอร์เน็ตในการเชื่อมต่อสำนักงานที่อยู่ห่างไกล หรือในต่าง ประเทศแทนการต่อเป็นเครือข่ายส่วนตัวขององค์กร (Private Network) ด้วย วงจรเช่า (Leased Line) ได้ ช่วยให้องค์กรสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้ และมีความคล่อง ตัวกว่ามาก แต่ผู้ไม่หวังดีอาจดักฟังหรือลักลอบอ่านการสื่อสารภายในองค์กรที่ ที่เป็นความลับได้ไฟร์วอลล์หลาย ๆ ตัวสามารถทำการเข้ารหัสการสื่อสารภายในองค์กร ข้ามอินเทอร์เน็ตได้ เปรียบเสมือนการสร้างอุโมงค์ (Tunnel) เพื่อให้สามารถทำการสื่อสาร กับสำนักงานแห่งอื่น ๆ ขององค์กรได้โดยไม่ต้องกลัวว่าความลับภายในจะรั่วไหล ในขณะที่ยังคงสามารถป้องกันการบุกรุกจากภายนอก ได้เช่นเดิม ทำให้องค์กรสามารถมีเครือข่ายส่วนตัวเสมือน ขององค์กร (Virtual Private Network หรือ VPN) ได้ นอกจากนี้การเข้ารหัส ข้อมูลยังใช้ได้กับการเชื่อมต่อของเจ้าหน้าที่ขององค์กรที่ทำงานจสกระยะไกล ได้อีกด้วย แต่หากเป็นผู้ดักฟังไม่สามารถผ่านการตรวจสอบ ผู้ใช้ ก็จะไม่สามารถอ่านข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสไว้

 4. การแปลงเลขที่อยู่ไอพี ( Network Address Translation หรือ NAT )


            บางองค์กรอาจมีการใช้งานโปรโตคอลทีซีพี/ไอพีอยู่แล้วก่อนที่จะเชื่อมต่อ เข้ากับอินเทอร์เน็ต โดยเลข ที่อยู่ไอพีที่ใช้ในกรณีนี้องค์กรมักจะกำหนดขึ้นเอง โดยไม่ได้ใช้เลขที่อยู่ไอพีที่ใช้ในกรณีนี้องค์กรมักจะ กำหนดขึ้นเองโดยไม่ใช้เลขที่อยู่ไอพีจริงที่ลงทะเบียน หากต้องการเชื่อมต่อกับ อินเทอร์เน็ต เลขที่อยู่ไอดีเดิมเหล่านี้จะที่อยู่ไอดีเดิมเหล่านี้จะไม่สามารถใช้งานได้ แต่ด้วยความสามารถของไฟร์วอลล์บางตัวที่แลปงเลขที่อยู่ไอพีภายในทั้งหมดเป็น เลขที่อยู่ไอพีจริงค่าหนึ่งที่เตรียมเอาไว้ก่อนเชื่อมเข้าสู่อินเทอร์เน็ต ได้ดังในรูป ช่วย ให้องค์กรไม่ต้องไล่เปลี่ยนเลขที่อยู่ไอพีของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครือ ข่ายภายในที่มีอยู่เดิมทุก ตัว ทำให้ไม่ต้องใช้เลขที่อยู่ไอพีจริงในการเพิ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ลงไปในเครือ ข่ายภายในต่อไปในอนาคตซึ่งเป็นประโยชน์อย่างสำ หรับองค์กรที่มีเลขที่อยู่ไอพีจริงอยู่ในจำนวนจำกัด นอกจากนี้ยังเป็นการซ่อนเลขที่อยู่ไอพีภายในไม่ให้มองเห็นได้จากภายนอกอีก ด้วย

 5. การตรวจสอบข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ( Content Security )

                                                          

             สิ่งที่ท้ายทายต่อการรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นใหม่ทุก ๆ วันเช่น ไวรัส คอมพิวเตอร์พันธุ์ใหม่ รหัสคำสั่งที่สามารถทำงานได้ เช่น แมโคร และ จาวา หรือ แอคดีฟ เอ็กซ์ของเว็บไซท์ที่ไม่หวังดี เป็นต้น ไฟร์วอลล์บางตัวสามารถตรวจสอบข้อมูลที่ผ่าน เข้าออกของโปรโตคอล HTTP, SMTP และ FTP ก่อนส่งให้กับผู้ใช้ภายในจะช่วยป้อง ป้องกันผู้ใช้จากสิ่งเหล่านี้ได้ และยังสามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์เซิร์ฟเวอร์ตรวจสอบ ข้อมูลและไวรัสตัวอื่น ๆ ที่มีโปรโตคอล Content Vectoring Protocol (CVP) เช่น การ ตรวจสอบ URL และการตรวจสอบไวรสได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ไฟร์วอลล์สามารถสิ่งที่แนบ มากับอีเมล์ไปให้เซิร์เวอร์ป้องกันไวรัสตรวจสอบก่อน หากพบไวรัสไปเก็บไว้ บนเซอร์เวอร์เมล รอผู้ใช้เข้ามาอ่านต่อไป ดังในรูป

 6. การจัดสมดุลย์การใช้งานเซิร์ฟเวอร์ ( Server Load Balancing )


                                                         

             ในกรณีที่มีความต้องการใช้งานเซิร์ฟเวอร์บางตัวมากจนทำให้เซอร์ฟเวอร์ เพียง เครื่องเดียวไม่สามารถรับไหวและจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนเซิร์ฟเวอร์ให้มากขึ้น ไฟร์วอลล์บางตัวตัวมีความสามารถที่จะจัดสมดุลย์การใช้งานกลุ่มเซิร์ฟเวอร์ ที่ ทำหน้าที่เหมือนกันเหล่านี้ เพื่อให้ระยะเวลาตอบสนองต่อผู้ใช้ดีขึ้นได้ ดังในรูปไฟร์วอลล์จะทำหน้าที่จัดส่งคำขอใช้งานเซิร์ฟเวอร์จากผู้ใช้ไปยัง เซิร์ฟเวอร์ตัวที่ ว่างที่สุด ซึ่งผู้ใช้จะมองเห็นเหือนกับมีเซิร์ฟเวอร์ที่ประสิทธิภาพสูงเพียงอย่างเดียว

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บทที่3 เทคนิคการท่องเว็บด้วย internet explorer

                                        
                   บทที่ 3 เทคนิคการท่องเว็บด้วย Internet Explorer

            เมื่อเราชมเว็บไซต์ต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตได้แล้ว ในบทนี้จะเพิ่มเทคนิคพิเศษให้การท่องเว็บของเรามีความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เช่น การจัดเก็บ URL ของเว็บที่เราชื่นชอบ วิธีลัดในการเปิดเว็บเป็นต้น จัดเก็บ URL เว็บเพจชื่นชอบ
             เราสามารถบันทึกไว้เป็น Favorite เพื่อครั้งต่อไปจะกลับไปเปิดหน้าเว็บนี้ได้ทันที และในเวอร์ชั่นนี้ได้แยกส่วนของ Favorites ไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้เราอีกด้วย


  1.เปิดเว็บเพจที่ต้องการบันทึก


                                        
                                       
                                                        2.คลิกปุ่ม favortier >add to favories

                                                                           
               
                                                3.กำหนดชื่อใหม่หรือใช้ชื่อ URLก็ได้
                                                4.คลิกเพื่อบันทึกเว็บเพจ
     
            หลังจากที่เราได้บันทึกตำแหน่งของเว็บเพจที่เราชอบ จะปรากฏชื่อเว็บเพจนั้นในรายการ Favorites ซึ่งเราสามารถกลับไปเยี่ยมชมเว็บเพจนั้นได้อย่างรวดเร็ว โดยการเลือกชื่อเว็บเพจที่ต้องการได้เลย

 จัดหมวดหมู่ Favorites

         เมื่อเว็บเพจที่เก็บไว้ใน Favorites มีจำนวนมาก เราควรจัดรายชื่อเว็บเพจให้เป็นหมวดหมู่เพื่อให้สามารถเรียกใช้งานได้ง่ายขึ้น

 การเพิ่มหมวดหมู่ใหม่ใน Favorites

          เป็นการสร้างหมวดหมู่ให้กับเว็บเพจ เพื่อการค้นหาสะดวก

 บล็อกป๊อปอัพแอดโฆษณา

          ป๊อปอัพ เป็นหน้าต่างเว็บเพจใหม่ที่ได้เปิดขึ้นมาในระหว่างที่เรากำลังท่องเว็บเพจอยู่ เนื่องจากป๊อปอัพส่วนใหญ่จะเป็นโฆษณาที่มักสร้างความรำคาญใจให้กับผู้ชม ดังนั้น Internet Explorer จึงทำการปิดกั้น ป๊อปอัพไว้ มีแถบ Information bar แจ้งข้อความให้ทราบว่าบล็อกป๊อปอัพเราสามารถคลิกอนุญาตให้ป๊อปอัพก็ได้

 กำหนดให้แสดงป๊อปอัพเฉาะบางเว็บ

          สำหรับเว็บที่เข้าบ่อยๆ และมีป๊อปอัพโฆษณาที่เป็นประโยชน์ เราสามารถเปิดเว็บไซต์นี้ได้ โดยโปรแกรมยังคงบล็อกเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องอี่นๆ ต่อไป

เตือนภัยซ่อนเร้นที่เกิดจากการดาวน์โหลด

          เมื่อมีเว็บไซต์ที่จะดาวน์โหลดไฟล์สู่เครื่องเรา โดยที่ไม่ได้รับการอนุญาต Internet Explorer จะแจ้งเตือนให้ทราบใน Information bar และจะหยุดการดาวน์โหลดของเว็บไซต์นี้เอาไว้ก่อนจนกว่าจะได้รับการยืนยัน

 ค้นหาและโหลดข้อมูลที่ต้องการ
        
          ทุกครั้งที่จะเข้าดูข้อมูลเราก็ต้องรู้ที่อยู่ (URL) ของเว็บนั้นด้วย เช่น www.google.co.th โดยการป้อนคำที่ต้องการค้นหา

การค้นหาข้อมูลด้วย google

         www.google.co.th เป็นเว็บไซต์ที่ช่วยให้เราค้นหาได้ทั้งข้อมูลและรูปภาพต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่สำคัญสามารถค้นหาเป็นภาษาไทยได้อีกด้วย


                                             

                                                             ค้นหาเว็บไซต์ที่เราต้องการ

          สามารถพิมพ์คำที่ต้องการค้นหาลงไปในช่องว่าง ตัวอย่างพิมพ์คำว่า ‘ฟังเพลง’ ค้นหาเว็บเว็บเพจที่เกี่ยวกับเพลง หากต้องการค้นหาแบบเร่งด่วน แนะนำให้เลือก “ดีใจจัง ค้นแล้วเจอเลย”

                                                

                                                                    ค้นหาภาพที่เราต้องการ


                                                
                         
                                                                             เซฟเป็นไฟล์ภาพ

เมื่อเปิดเว็บเพจและเจอภาพสวยที่ถูกใจ เราสามารถเก็บภาพนี้ไปใช้งานได้ เป็นขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากเพียงคลิกขวาที่ภาพเลือก Save Picture As…
           
          
     

วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บทที่2 ท่องโลกด้วย internet explorer

                                    การเข้าสู่อินเตอร์เน็ต Internet Explorer Internet Explorer

          โปรแกรมสำหรับสื่อสารบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต Internet Explorer เป็นโปรแกรมสำหรับสื่อสารบนอินเตอร์เน็ตที่พัฒนาโดย บริษัทไมโครซอฟท์ จุดเด่นของ Internet Explorer คือการรวมกันของโปรแกรมสำหรับให้บริการต่าง ๆ บนอินเตอร์เน็ต ทำให้เรียนรู้ง่าย และใช้งาน ได้สะดวกInternet Explorer ประกอบด้วยโปรแกรมย่อยที่สำคัญหลายโปรแกรม


การเข้าสู่โปรแกรม Internet Explorer

     การเข้าสู่โปรแกรม Internet Explorer สามารถกระทำได้หลายวิธี วิธีที่ 1 คลิกที่ปุ่ม Start เลื่อนเมาส์ไปที่ Programs แล้วคลิกเลือก Internet Explorer วิธีที่ 2 ทำการดับเบิ้ลคลิก (Double Click) สัญลักษณ์แทน Internet Explorer ที่ปรากฎอยู่บน Desktop วิธีที่ 3 ทำการคลิก สัญลักษณ์แทน Internet Explorer ที่ปรากฎอยู่บน Taskbar ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งก็ได้ ส่วนประกอบของโปรแกรม Internet Explorer Internet Explorer จะมีส่วนประกอบต่างๆ ของโปรแกรมที่เรียกชื่อแตกต่างกัน ส่วนต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น




ไตเติ้ลบาร์ (Title bar) แสดงชื่อของเอกสารบนอินเทอร์เน็ตที่กำลังเปิดชมอยู่ในขณะนั้น
 เมนูบาร์ (Menu bar) เมนูคำสั่งในการทำงาน เมื่อคลิกที่ชื่อของเมนู จะมีรายการเมนูย่อยแสดงออกมาให้เลือกใช้
 Standard toolbar จะเป็นชุดไอคอนที่ช่วยในการทำงานอย่างรวดเร็ว แทนการใช้คำสั่งบนเมนูบาร์ สามารถกำหนดได้จากออปชั่น (options) ของ Internet Explorer Go button ปุ่ม Go ที่ใช้ป้อน URL ที่ต้องการแล้ว สามารถคลิกปุ่มนี้แทนปุ่ม Enter ได้
 แอดเดรสบาร์ (Address bar) ที่นี่เป็นที่ใสที่อยู่ของเอกสารเว็บหรือที่อยู่ของสถานที่บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งเรียกว่า URL และหากกดปุ่มลูกศรที่อยู่ทางขวามือ จะมีรายการของ URL ที่เคยเปิดเรียกดูมาแล้ว สามารถเลือกคลิกไปที่ที่เราต้องการได้ทันที นอกจากนี้แล้ว ยังสามารถเรียกดูข้อมูลของฮาร์ดดิสก์จากที่นี่ได้ด้วย
 ลิงก์บาร์ (Link bar) ใช้เก็บลิงก์พิเศษที่เราต้องการจะเข้าถึงอย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องเปิดที่ Favorites
 เอ็กซ์พลอเรอร์บาร์ (Explorer bar) เป็นส่วนที่ใช้แสดงการค้นหาข้อมูล ผลลัพธ์ที่ได้จากการค้นหาข้อมูล ลิสต์รายการของ Favorites และลิสต์รายการของ History สามารถกำหนดให้แสดงหรือซ่อมไว้ก็ได้ เบราเซอร์เพน (Browser pane) คือจอภาพที่แสดงข้อมูลของเว็บเพ็จ
Status bar เป็นแถบแสดงสถานะการทำงาน ที่แสดงว่าสถานะการโหลดเว็บเพ็จ การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
                                                            การใช้ Internet Explorer 

           ด้วยคุณสมบัติต่างๆ เช่น แท็บ เว็บไซต์ที่ชอบ และการแบ่งปันเว็บเพจในตัว Internet Explorer 10 สำหรับ Windows Phone 8 ช่วยให้คุณสามารถท่องเว็บได้อย่างง่ายดายในขณะเดินทาง (คุณต้องเชื่อมต่อกับข้อมูลเครือข่ายโทรศัพท์หรือ Wi-Fi เพื่อเรียกดูเว็บ ดู การเชื่อมต่อ: วิธีการและเวลา และ การเชื่อม
ต่อกับเครือข่าย Wi-Fi สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม)



วิธีการเรียกดูเว็บ

 1. ที่เริ่มต้นไอคอนเริ่มต้น แตะ Internet Explorerแล้วแตะ แถบที่อยู่ (คุณยังสามารถกดปุ่มฮาร์ดแวร์ค้นหาในโทรศัพท์ของคุณเพื่อค้นหาเว็บโดยใช้ Bing ได้ด้วย)
2. พิมพ์ที่อยู่เว็บ (URL) ของไซต์ที่คุณต้องการเยี่ยมชม ขณะที่คุณพิมพ์ Internet Explorer จะแนะนำผลลัพธ์ที่ตรงกันที่เป็นไปได้
3. หากคุณไม่เห็นไซต์นั้น ให้แตะ ไปไปเพื่อค้นหา

 วิธีการนำทางในเว็บเพจ

เมื่อคุณพบหน้าที่คุณต้องการแล้ว มีสองสามวิธีในการเข้าดูหน้านั้น ลองเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อไปนี้ เมื่อต้องการเลื่อนไปมาในหน้านั้น ให้ตวัดนิ้วของคุณผ่านหน้าจอในทิศทางใดก็ได้
 .เมื่อต้องการขยายเข้า ให้กางนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ออกจากกันเพื่อขยาย หุบนิ้วเข้าด้วยกันเพื่อขยาย         ออก
. เมื่อต้องการจัดกึ่งกลางและขยายเข้าโดยอัตโนมัติ ให้แตะสองครั้งที่จุดที่คุณต้องการขยาย แตะสองครั้งอีกครั้งเพื่อขยายกลับออกมา
. เมื่อต้องการเปิดลิงก์ เพียงแตะลิงก์นั้น เมื่อต้องการค้นหาข้อความที่ต้องการในหน้าใดๆ ให้แตะ เพิ่มเติม > ค้นหาในเพจ 
.หากคุณเห็นหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่ บ่อยครั้งคุณสามารถแตะเพื่อโทรหาหมายเลขนั้นหรือระบุที่อยู่นั้นในแผนที่

 วิธีการกลับไปยังเว็บเพจที่คุณเคยเยี่ยมชม

มีสองสามวิธีในการกลับไปยังเว็บเพจที่คุณเข้าดูมาก่อนได้อย่างรวดเร็ว ลองเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อไปนี้

หากคุณอยู่ใน Internet Explorer และกำลังดูเว็บเพจหลายหน้า ให้กดปุ่มย้อนกลับของโทรศัพท์เพื่อเยี่ยมชมเว็บเพจเหล่านั้นอีกครั้ง
. หากคุณเพิ่งเปิด Internet Explorer คุณสามารถไปที่ประวัติการเรียกดูของคุณเพื่อกลับไปยังไซต์ที่คุณเคยเยี่ยมชมในอดีตได้อย่างรวดเร็ว แตะ เพิ่มเติม> ล่าสุด แล้วแตะไซต์ที่คุณต้องการดูอีกครั้ง