วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

บทที่ 13 จับจองพื้นที่ส่วนตัวไปกับ google Blogger

บทที่ 13 จับจองพื้นที่ส่วนตัวบนเน็ตด้วย Google Blogger
           อีกบริการหนึ่งที่ได้รับความนิยมบนอินเทอร์เน็ตอย่างสูงในปัจจุบัน สำหรับผู้ที่ท่องเน็ตเป็นประจำและต้องการเผยแพร่ความคิด แนะนำตัว หรือนำเสนอบางสิ่งบางอย่างได้ง่ายๆ อย่างเร็ว

Blog คืออะไร

           Blog ทำหน้าที่เหมือนสมุดบันทึกส่วนตัวหรือเอกสารแนะนำตัว Blog สามารถที่จะติดต่อสื่อสารไปถึงแหล่งต่างๆ ทั่วโลกได้ ซึ่งเราสามารถเข้าใจวิธีการใช้งานของ Blog ได้ไม่ยากเพราะพูดอีกในหนึ่ง Blog คือเว็บนั่นเอง โดยหลักการทำงานของ Blog คือข้อมูลที่อัพเดตทีหลังจะแสดงข้อมูลขึ้นอยู่ด้านบนสุด ถ้าเราเป็นฝ่ายคนเข้าชมเราจัสามารถเห็นข้อมูลล่าสุดแสดงอยู่ด้านบนสุด หลังจาก Blog ถูกจัดทำขึ้นยังไม่ถึง 5 ปี Blog ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งมีการติดต่อสื่อสารผ่าน Blog ประมาณหนึ่งล้านการติดต่อสื่อสาร

 ขั้นตอนการสร้าง Blog 

              ในที่นี้ขอแนะนำขั้นตอนง่ายๆ ในการสร้าง Blog ส่วนตัวของเรา โดยเช้าไปจังจองพท่นที่ส่วนตัวจากเว็บไซต์ที่ให้บริการด้านนี้โดยตรงอย่าง www.blogger.com โดยแบ่งขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
  ขั้นตอนที่ 1 : สร้าง Blogger Acount 
                                                       ขั้นตอนที่ 2 : ระบุชื่อ Blog 
    ขั้นตอนที่ 3 : เลือกเทมเพลตให้ Blog
ขั้นตอนที่ 1 : สร้าง Blogger Acount

             ก่อนที่เราจะทำการสร้าง Blog ขึ้นมา เราต้องสร้าง Blogger Acount ขึ้นมาก่อน เพื่อใช้สำหรับล็อกออนเข้าแก้ไขหรือสร้างเนื้อหาภายใน Blog ของเรา โดยในปัจจุบันบริการของเว็บ Blogger ได้ผนวกให้ผู้ใช้สามารถนำอีเมล์ของ Google มาใช้กับงาน Blogger Acount ได้ทันที โดยไม่ต้องสร้าง Blogger Acount ใหม่

ขั้นตอนที่ 2 : ระบุชื่อ Blog 

              ขั้นตอนนี้ให้เราระบุชื่อ Blog ของเรา พร้อมทั้งกำหนดชื่อ URL ของ Blog เพื่อสามารถนำไปเผยแพร่ต่อ ให้คนอื่นสามารถเข้ามาเยี่ยมชม Blog ของเราได้ โดยชื่อ URL จะอยู่ภายใต้ http://......blogpost.com ให้กำหนดชื่อที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา Blog ของเรา หรือใช้เป็นชื่อของเราก็ได้ เพื่อให้สามารถจดจำและสื่อความหมายต่อเนื้อหาได้ง่าย

 ขั้นตอนที่ 3 : เลือกเทมเพลตให้ Blog 

               สุดท้ายเป็นการเลือกรูปแบบเทมเพลตเบื้องต้นให้กับ Blog ซึ่งจะประกอบด้วยสีพื้นหลัง รูปแบบการจัดวางหัวข้อและเนื้อหาภายใน Blog แบบสำเร็จรูป ซึ่งมีให้เราเลือกหลาย 10 แบบ (สำหรับเนื้อหาของ Blog นั้น จะเป็นการเพิ่มเติมหลังจากการสมัคร Blogger เรียบร้อยแล้ว) สร้างเนื้อหาบน Blog หลังจากที่เราสร้าง Blogger Acount เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาถึงขั้นตอนของการ

สร้างเนื้อหาที่ต้องการบน Blog 

               ซึ่งเราเรียกว่าการ โพสต์ (Post) ในขั้นพื้นฐานนี้ Blog ของเราจะประกอบด้วย ข้อความต่างๆ รูปภาพ และลิงค์ ซึ่งมีขั้นตอนในการทำง่ายๆ ดังนี้

 เริ่มต้นโพสต์เนื้อหาลงบน Blog

               เราสามารถเข้าไปเพิ่มเนื้อหาที่ต้องการลงบน Blog ได้ทันที ซึ่งการเพิ่มเนื้อหาแต่ละครั้งจะหมายถึงการสร้างหน้าเว็บภายใน Blog ของเราขึ้นมา 1 หน้า (ซึ่งสามารถสร้างได้หลายๆ หน้า) โดยก่อนอื่นให้เราล็อกออนเข้าใช้งาน Blog จากเว็บ www.blogger.com ก่อน

 ใส่ข้อความลงใน Blog 

             เนื้อหาหลักก็คือส่วนของข้อความ ซึ่งเราสามารถพิมพ์ข้อความที่ต้องการลงไปได้ทันที โดยมีเครื่องมือ สำหรับปรับแต่งรูปแบบข้อความด้านบน เช่น แบบอักษร ขนาดตัวอักษร ลักษณะตัวอักษร สีตัวอักษร และการจัดวางข้อความ เป็นต้น

 การแทรกรูปลงบน Blog 

 นอกจากการแทรกข้อความทั่วไปแล้ว เราสามารถเลือกแทรกรูปลงบนเนื้อหา เพื่อช่วยอธิบายหรือเสริมเนื้อหาให้น่าอ่านมากยิ่งขึ้นได้ โดยวิธีการเพิ่มภาพเข้ามาใน Blog นั้น ที่มาของภาพนั้นสามารถมาจาก 2 ทาง คือ
            ภาพที่เก็บไว้บนเครื่อง คือเลือกภาพที่เราเตรียมไว้ในเครื่อง และทำการอัพโหลดภาพขึ้นไป ภาพจากเว็บ นำ URL ของ
            ภาพจากเว็บอื่นๆ แล้วนำมาระบุไว้ในช่องที่กำหนดซึ่งวิธีนี้อาจสะดวกกว่า และทำให้ Blog ของเราขนาดไม่ใหญ่มากแต่ URL ที่นำมาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งทำให้ภาพไม่ถูกแสดง (วิธีดู URL ของภาพ ให้คลิกขวาที่ภาพบนเว็บและเลือก Properties จะปรากฏ URL ของภาพที่หัวข้อ Address)

การแทรกลิงค์

             ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตมีเป็นจำนวนมาก การนำเสนอข้อมูลจาก Blog ของเรา นอกจากอยู่ในรูปของข้อความหรือรูปภาพแล้ว เรายังสามารถแทรกลิงค์เพื่อให้ผู้เยี่ยมชม Blog คลิกเพื่อกระโดดไปยังหน้าเว็บเพจอื่นๆ ที่เราเตรียมไว้ ซึ่งมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาของเราได้อีกด้วย 

นำ Blog ขึ้นแสดงบนอินเทอร์เน็ต 

            หลักจากเนื้อหาและตกแต่ง Blog ของเราจนเป็นที่พอใจแล้ว สุดท้ายคือการนำ Blog นี้ขึ้นเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต หรือเรียกว่าการ Publish เป็นการอัพโหลดหน้า Blog ของเราขึ้นไปบนเว็บเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ เพื่อให้คนอื่นๆ สามารถเข้ามาเยี่ยมชม Blog ของเราได้

 การปรับปรุง Blog 

             หลังนำ Blog ขึ้นแสดงบนอินเทอร์เรียบร้อยแล้ว เราสามารถเข้าไปอัพเดต หรือเพิ่มเติมเนื้อบน Blog ของเราได้อีกภายหลัง ซึ่งรวมทั้งการทั้งปรับเปลี่ยนรูปแบบของ Blog ได้ด้วย เพื่อให้เนื้อหาบน Blog ของเรา อัพเดตอยู่เสมอ โดยให้เราล็อกออนเข้าใช้งาน Blog ซึ่งจะพบกีบหน้าต่าง Dashbord แสดงรายการ Blog ทั้งหมดที่เราสร้างขึ้น โดยสามารถเลือกเข้าสู่การปรับแต่ง Blog ในส่วนต่างๆ ได้ดังนี้

  •  Posts : ปรับปรุงเนื้อหาภายใน Blog 
  •  Settings : ปรับแต่งค่าต่างๆ สำหรับ Blog 
  •  Layout : ปรับแต่งรูปแบบการแสดง Blog
ปรับปรุงเนื้อหาภายใน Blog 

            หากเราต้องการเพิ่มหรือปรับปรุงเนื้อหาบางส่วนบน Blog ที่เรานำขึ้นบนอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว ให้เราคลิกเมาส์ที่คำสั่ง Post เพื่อสู่เข้าปรับแต่งเนื้อหาของหน้าเว็บใน Blog

 ปรับแต่งคำต่างๆ สำหรับ Blog

            สำหรับปรับแต่งรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับ Blog เช่น หหัวข้อ Blog หรือคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Blog นี้ เป็นต้น โดยให้เราคลิกที่คำสั่ง Settings และกำหนดรายละเอียดที่ต้องการ

 ปรับแต่งรูปแบบการแสดง Blog 

              ในที่นี้คือรูปแบบการแสดงรายละเอียดต่างๆ บนBlog ซึ่งในแต่ละหน้าเนื้อหาของ Blog จะถูกแบ่งอกเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนหัวเรื่อง (Header) ส่วนเนื้อหา (Blog Posts) ส่วนแสดงรายชื่อหน้าเนื้อหาใน Blog (Bolgger Acount) และส่วนแสดงข้อมูลผู้จัดทำ (About Me) โดยเราสามารถเลือกส่วนที่ต้องการเข้าไปแก้ไขได้

 ปรับแต่งส่วนของเนื้อหาเว็บ

             คลิก Blog Postes จะเข้าสู่หน้าต่างปรับแต่งที่เราสามารถเลือกแสดงรายการต่างๆ ในหน้าเนื้อหาของ Blog ได้ เช่น วันที่/เวลา, ซื่อผ้สร้างเนื้อหา เป็นต้น

 ปรับแต่งส่วนหัวของ Blog 

             คลิกที่ Header เพื่อเข้าไปกำหนดชื่อหัวเรื่องพร้อมคำอธิบายเพิ่มเติมของ Blog ที่ช่อง Blog Title และ Blog Description ตามลำดับ

 ปรับการแต่งการแสดงรายการหน้าเนื้อหา

            คลิกที่ Blog Achive เพื่อกำหนดการแสดงรายการของหน้าเนื้อหาทั้งหมดใน Blog เช่น กำหนดชื่อหัวเรื่อง รูปแบบการแสดงรายการ วันที่ที่มีการสร้างเนื้อหา เป็นต้น

 ปรับแต่งส่วนหัวของ Blog 

            คลิกที่ About Me เพื่อกำหนดรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับผู้สร้างเนื้อหาหรือตัวเราเอง รวมทั้งต้องการให้แสดงไว้ใน Blog หรือไม่

 สรุป Blog

            ทำหน้าที่เป็นสมุดบันทึกส่วนตัวหรือเอกสารแนะนำตัว เป็นเหมือนเว็บๆ หนึ่ง โดยมีหลักการทำงานคือ ข้อมูลที่อัพเดตทีหลังจะแสดงข้อมูลขึ้นอยู่ด้านบนสุด Blog ยังมีส่วนการแสดงความคิดคิดเห็นหรือสาระสำคัญ สามารถจัดเป็นสมุดพกส่วนตัว และสามารถลิงค์ไปที่เว็บต่างๆ ได้ทั่วโลก

บทที่ 12 ท่องโลกทั้งใบไปกับ Google Earth

บทที่ 12 ท่องโลกทั้งใบไปกับ Google Earth

ประโยชน์ Google earth

              ในวันแรกๆ ของการเริ่มต้นกูเกิลเอิร์ธ ผู้คนก็ยังงงๆ อยู่ว่าจะทำอะไรได้บ้างนอกจากดูแผนที่ และมีความเชื่อมโยงอะไรกับสังคมออนไลน์ยุคใหม่ โดยเฉพาะในฐานะเป็นเครื่องมือการตลาดออนไลน์ได้อย่างไรบ้าง ??? จนเมื่อมาได้เห็นข่าวทั้งสองนี้ ก็ต้องขอนับถือมือการตลาดที่ทำให้กับสายการบิน บริติช แอร์เวย์ และ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Pirates of the Caribbean ; Dead Man's Chest ที่ยังอุตส่าห์มองเห็นช่องทางว่าจะหาประโยชน์จากกูเกิลเอิรธ์ชื่อดังเข้าจนได้ ส่วนภาพยนตร์ Pirates of the Caribbean ก็จับมือกับกูเกิลเอิรธ์เพื่อสร้างกระแสโจรสลัด ด้วยการครีเอทแผนที่เกาะในจินตนาการ ที่ว่ากันว่าอยู่ในทะเลแคริบเบียน เพื่อให้เป็นอีกหนึ่ง นับจากนี้ไปการดูแผนที่จะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกแล้ว เพราะปัจจุบันมีเครื่องมีไฮเทคอย่าง Google Earth ที่จะมาช่วยในการค้นหา ซึ่งเป็นรูปแบบของการค้นหาง่ายขึ้น และสามารถค้นหาตำแหน่งต่างๆได้ละเอียดมากขึ้น พร้อมเพิ่มความสะดวกสบายสำหรับผู้ใช้งานให้สามารถค้นหาข้อมูลจากแผนที่ได้ง่ายขึ้น ด้วยวิธีที่ง่ายในการค้นหาจุดหมายปลายทางได้ง่ายและสะดวกขึ้นด้วยการใช้แผนที่ ของ Google Earth ที่ให้มุมมองทั้งกว้าง ยาว ลึก แบบมีมิติ ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเน็ตทั้งหลายต่างให้ความสนใจ และตอบรับมากขึ้น แต่ผลพวงที่ตามมา ก็น่าติดตามเช่นกันว่า “Google Earth” จะสามารถเปลี่ยนแปลง ปลุกกระแสของชาวเน็ตได้มากน้อยแค่ไหน และส่งผลกระทบต่อธุรกิจ หรือความเป็นส่วนบุคคลของประชาชน มากน้อยแค่ไหน และจะมีผลดีผลเสียเกิดขึ้นอย่างไร ทั้งนี้ทางกองบรรณาธิการนิตยสาร PC World ได้จัดเสวนาในหัวข้อ “Google Earth มองโลกผ่านดวงตาดาวเทียม” ขึ้น เพื่อเป็นการระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หาก “Google Earth” ได้รับความนิยมแพร่หลาย โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง แผนที่ และ“Google Earth” มาร่วมในการเสวนาครั้งนี้ ประกอบด้วยกิตติ เปรมพินิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีไอเอส โซลูชั่น จำกัด ดร.สุรชัย รัตนเสริมพงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์ความรู้ด้านอวกาศ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ชัยศิลป์ พนาวิรรธน์ TRAFFIC MANAGER บริษัท ที เอส โลจิสติกส์ จำกัด สมชาย หมื่นนรินทร์ ในฐานะของยูสเซอร์คนหนึ่งที่ได้สัมผัสกับการใช้ Google Earth มาตั้งแต่ต้นโดยมี พงษ์ระพี เตชพาหพงษ์ บรรณาธิการอำนวยการ นิตยสาร PC World และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์thaigoogleearth.com เป็นผู้ดำเนินการเสวนา PCW : ภายหลังที่มีการใช้ Google Earth กันอย่างแพร่หลายคิดว่าจะช่วยปลุกกระแสอะไรให้เกิดขึ้นบ้างกิตติ : Google Earth คือ ปัจจัยอย่างหนึ่งที่จะผลักดัน และสร้างกระแสให้เกิดการใช้แผนที่ดาวเทียมกันมากขึ้นได้ แต่ถ้าจะนำแผนที่กรุงเทพฯ จาก Google Earth มาทำแผนที่ทั้งหมดคงไม่สามารถทำได้เนื่องจากยังติดปัญหา เรื่องของความเหลื่อมล้ำของเส้นแบ่งของแต่ละแผ่นที่ที่แต่ละหน่วยงานจัดทำขึ้นมา ดังนั้นหากต้องการจัดทำแผนที่ดาวเทียมกันอย่างจริงจัง แล้วนั้น อาจจะต้องมีการซื้อข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อมาจัดทำขึ้นเป็นแผนที่ฉบับสมบูรณ์จริงๆ ซึ่งในอดีตการซื้อข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมก็มีการซื้อขายกันอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่มีโปรแกรมในการจัดการภาพถ่ายดาวเทียมเหล่านั้น ดังนั้นเมื่อซื้อภาพถ่ายแผนที่ดาวเทียมไปแล้ว ผู้ใช้จะต้องสร้างแอพพลิเคชันขึ้นมาเองเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ดร.สุรชัย : กระแสของการใช้ Google Earth ช่วยจุดประกายให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้น อาทิ รีโหมดเซ็นซิ่ง หรือ ภาพถ่ายดาวเทียม ซึ่งในอดีตที่ผ่านมามีการใช้แผนที่ดาวเทียมกันบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อการค้นหาเส้นทาง และยังเป็นภาพขาวดำ หลังจากนั้นเมื่อมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการผสมผสานเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไปส่งผลให้การใช้งานแผนที่ดาวเทียมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างดาวเทียมรุ่นใหม่ๆ จะมีการติดตัวเรคคอร์ดเดอร์ ไว้ด้วย ก็จะทำให้นอกจากดูเส้นทางแล้วยังสามารถบันทึกเสียงหรือภาพที่เคลื่อนไหวแบบใกล้กับปัจจุบันมากที่สุด แต่ถึงอย่างไรการเข้ามาของGoogle Earth ก็มีส่วนทำให้สาธารณะเกิดความตื่นตัวมากขึ้น ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีแผนที่ดาวเทียมใช้มานานแล้วก็ตาม แต่การใช้งานในอดีตถือว่ายังอยู่ในวงจำกัดเฉพาะในหน่วยงานราชการ หรือเอกชนบางแห่ง ซึ่งข้อดีของภาพถ่ายดาวเทียมคือเป็นข้อมูลดิจิตอล และดาวเทียมรุ่นใหม่มี GPS อยู่บนดัวดาวเทียม ดังนั้นเวลาถ่ายภาพมาก็จะบอกค่าพิกัดให้เรียบร้อย ความผิดพลาดก็มีไม่มาก ไม่เหมือนรูปถ่ายทางอากาศที่ใช้เครื่องบิน ดังนั้นเมื่อGoogle ออกมาทำตรงนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จ ซึ่ง Google Earth ถือปรัชญาที่ว่าคนที่ใช้แผนที่ไม่เป็นก็สามารถใช้งานได้ เพราะใช้งานง่าย ตรงนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบของ Google Earth และสามารถดูได้ทั่วโลกทางให้ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมรายละเอียดของภาพยนตร์

 การใช้งานโปรแกรม Google Earth 

            Google Earth เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการ ดูภาพถ่ายองทุกมุมโลก จากดาวเทียม ซึ่งมีความละเอียดสูงมาก สามารถ ขยายภาพ จากโลกทั้งใบ ไปสู้ประเทศ และลงไปจนถึงวัตถุเล็ก เช่น ถนน ตรอก ซอกซอย รถยนตร์ บ้านคน

           Google Earth ยังใช้งานง่ายและ สะดวกในการนำไปประยุกต์ในการเรียนการสอนได้ จึงเหมาะสำหรับ อาจารย์ และ นักเรียน ที่จะใช้ในการสอนและการเรียนในวิชาต่าง ๆ *Google Earth จะใช้งานได้ต่อเมื่อ เครื่องได้ทำการ เชิ่อมต่อ Internet อยู่เท่านั้น เพราะรูปถ่ายจากดาวเทียมต่างๆ จะ ถูกส่งมาให้เรา ทาง Internet ในขณะที่เราเลือกดูส่วนต่างๆของโลก Download Google Earth ได้ที่ http://earth.google.com/ *คลิกที่ปุ่ม I'm good. Download GoogleEarth.exe หลังจาก Download เสร็จเรียบร้อย ให้ทำการติดตั้งตัวโปรแกรม เมื่อติดตั้งเสร็จจะมี Icon GoogleEarh ที่ Desktop

 ดับเบิ้ลคลิกที่ Icon




เพื่อเข้าสู้โปรแกรม หน้าจอหลักและการใช้งานเบื่องต้น หลังจากที่เข้าสู่โปรแกรมจะเห็น ลูกโลก ซึ่งเราสามารถใช้ Mouse หมุนลูกโลกไปในทิศทางต่าง เพื่อไปยัง ประเทศ ที่เราต้องการ 1. นำ Mouse เข้าไปที่ลูกโลก แล้ว Mouse จะกลายเป็นรูปมือ 2. คลิกค้างไว้ แล้ว เลื่อน Mouse เพื่อหมุนโลก แถบแจ้งสถานะ (Status )ของโปรแกรม Google Eath

แถบแจ้งสถานะ (Status )ของโปรแกรม Google Eath 




Pointer จะเป็นการ ระบุตำแหน่งว่า Moise ของเราอยู่ที่ ตำแหน่งพิกัดที่เท่าไหร่ บนโลก ใช้เพื่ออ้างอิง กับตำแหน่งขริงๆบนพื้นโลกได้(GPS)Streaming จะบอกว่าเรากำลหัง โหลด รูปถ่ายจาก Internet อยู่ ซึ่งต้องรอจนกว่าจะ 100%เพื่อจะได้ เห็นภาพในตำแหน่งนั้นๆ ได้ชัดที่สุด*ความเร็วในการโหลด ภาพ จะ ช้าเร็ว ขุ้นอยู่กับความ เร็วของ Internet และความหนาแน่นของการใช้งาน Internet ในขณะนั้นEye alt ระยะห่างจากพื้นโลกในมุมมองขณะนั้น
การใช้เครื่องมือในการดูแผนที่ 

 ใช้ในการ Zoom เข้าออก เพื่อดูรายละเอียดใน ระดับที่ต้องการ

โดย คลิกที่ + เลื่อยๆ ภาพจะยิ่งขายใหญ่ ใกล้มากขึ้น และ คลิกที่ - เพื่อย่อขนาด
*ในขณะที่ Zoom เพื่อดูรายละเอียด โปรแกรมจะทำการ โหลด ข้อมูลภาพถ่ายจาก Internet ซึ่งต้องใช้ เวลา และภาพก็จะค่อยๆชัดขึ้น


.ใช้ในการเลื่อนมุมมองไปในทิศทางต่างๆ
*ในขณะที่เลื่อนมุมมอง โปรแกรมอาจจะโหลดข้อมูลจาก Internet เช่นกัน






ใช้เพื่อหนุนแผนที่ไปทิศทางซ้าย และ ะขวา


ใช้เพื่อให้ แผนที่ หมุนกลับไป ให้ ทิศ เหนืออยู่ด้านบนเหมือนเดิม


ใช้ปรับองศาในการมองแผนที่ ว่าจะมองจาง มุม กี่ องศา



ใช้ปรับองศาในการมองแผนที่ ให้กลับไป เป็นตามปกติ




ตัวอย่างการ การขยายเพื่อดูภาพโรงเรียน ปากเกร็ด จากความสูง 2025tt

การใช้ Search ในการค้นหาตำแหน่ง

นอกจากการหมุนโลกเพื่อหาตำแหน่ง เรายังสามารถให้ โปรแกรมวิ่งไปที่เมืองที่ต้องการได้ โดยการ
1. ใส่ ชื่อเมือง ที่ต้องการ ลงไปในช่อง Local Search2. กด Search ถ้าใส่ชื่อเมืองถูกต้อง โปรแกรมจะหมุนโลกไปใน ตำแหน่งนั้น โดยอัตโนมัติ



ตัวอย่างการใช้ Local Search เพื่อค้นหา เมือง New York 
ด้วยการใส่ คำว่า New York แล้วกด Search 



การติดตั้งโปรแกรม Google Earth
1. เข้าเว็บไซต์ http://earth.google.com/ เพื่อทำการดาวน์โหลดโปรแกรมใช้งานก่อน

2. คลิกเลือก Download และ Google Earth ดังรูปตามลำดับ

3. ปรากฏหน้าจอดังรูปคลิกเลือก Download Google Earth
4. รอสักครู่จะปรากฏหน้าจอดังรูป ให้คลิกเม้าที่แถบที่ปรากฏด้านบนแล้วคลิก Download Files…


5. เมื่อปรากฏหน้าจอให้เลือก Save


6. เลือกตำแหน่งการบันทึกไฟล์ ในที่นี้ขอบันทึกไว้ที่หน้าจอ หรือ Desktop ดังรูป
7. รอการดาวน์โหลดโปรแกรม ในที่นี้การดาวน์โหลดจะทำได้ช้าหรือเร็วนั้น ก็ขึ้นอยู่กับ ความเร็วของระบบอินเทอร์เน็ตของเรานะครับ ในตัวอย่างจะใช้เวลาประมาณ 25 นาที ในการดาวน์โหลดนะครับ รอจนกว่าจะเสร็จ

8. หลังจากที่ดาวน์โหลดเสร็จแล้วจะได้โปรแกรมที่ดาวน์โหลดมาตามที่เราสั่งบันทึกไว้ในที่นี้จะอยู่ที่หน้าจอ หรือ Desktop ดังรูป ให้เริ่มต้นการติดตั้งโปรแกรมโดยการ ดับเบิลคลิกที่ไอคอนไฟล์ GoogleEarthWin ดังรูป
9. เมื่อปรากฏหน้าจอเริ่มการติดตั้ง ให้เลือก Next
10. การติดตั้ง ให้เลือก Next
11. หน้าจอการยอมรับเงื่อนไขการใช้งาน เลือก I accept…. แล้วคลิก Next ดังรูป
12. เลือกประเภทการติดตั้ง แล้วคลิก Next ดังรูป
13. เริ่มการติดตั้ง คลิกเลือก Install ดังรูป
14. รอการติดตั้งจนปรากฏหน้าจอ ดังรูปคลิก Next
15. รอการติดตั้งจนเสร็จจะปรากฏหน้าจอ ดังรูปคลิก Finish
16. เมื่อปรากฏคำถามการแสดงผล 3 มิติ ดังรูป ให้เลือก OK
17. เมื่อปรากฏคำถามการแสดงผล 3 มิติการใช้ DirectX ดังรูป ให้เลือก YES
18. ปรากฏหน้าจอให้เริ่มต้นเข้าโปรแกรมใหม่อีกครั้ง ให้เลือก Exit
19. ให้เริ่มเข้าโปรแกรม Google Earth ใหม่อีกครั้งดับเบิลคลิกที่ไอคอน Google Earth บนหน้าจอ ดังรูป
20. รอการทำงานสักครู่จะปรากฏหน้าจอโปรแกรม Google Earth การปรากฏภาพจะช้า หรือเร็วขึ้นอยู่กับระบบความเร็วของอินเทอร์เน็ตครับ ดังรูป

21. การใช้งานเบื้องต้น สมมุติว่าเราต้องการดูแผนที่ของที่ไหน เราก็พิมพ์ชื่อของสถานที่นั้นลงไปในช่อง ดังรูปแล้วกดปุ่ม Enter ที่คีย์บอร์ด 1 ครั้งถ้าพิมพ์ชื่อสถานที่ถูกต้องแผนที่ Google Earth จะวิ่งไปหาสถานที่เราพิมพ์ไว้ ดังรูป ผมสมมุติว่าจะดูแผนที่บริเวณจังหวัดเชียงรายครับ ก็พิมพ์คำว่า chiang rai Thailand แล้วกด Enter
22. ภาพที่ปรากฏจะเป็นแผนที่ของจังหวัดเชียงราย ครับ แล้วเราสามารถเลื่อนเมาส์ ซ้าย ขวา หรือเลื่อนปุ่มกลางของเมาส์เพื่อทำการย่อขยายภาพเข้าออกใกล้ไกล ครับ
23. กรณีที่เราต้องการดูสถานที่สำคัญ ๆ ที่ทาง Google ทำแผนที่ไว้เฉพาะเราก็สามารถดูแผนที่เพิ่มเติมในGoogle Earth ได้ครับ โดยไปที่เว็บไซต์ http://earth.google.com/sites/ แล้วคลิกเลือก Open File ตามสถานที่ที่ต้องการครับ
24. สมมุติว่าผมต้องการดูแผนที่ของ Grand Canyon ผมก็ทำการคลิกที่เมนู Open File รอสักครู่โปรแกรมGoogle Earth ก็จะทำงานวิ่งไปที่แผนที่ของ Grand Canyon โดยอัตโนมัติ การแสดงแผนที่จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับความเร็วของอินเทอร์เน็ตครับ
25. หลังจากที่ออกปิดกากบาทออกจากโปรแกรม Google Earth แล้วเครื่องจะถามให้เราทำการบันทึกสถานที่ที่เราเลือกไว้หรือไม่ เพราะวันหลังจะง่ายต่อการค้นหาในที่นี้ให้ตอบ YES ครับเพื่อบันทึกไว้ จะได้กลับมาดูทีหลังได้สะดวกนะครับ




วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

บทที่ 11 google search ค้นหาอะไรก็เจอ

บทที่ 11 google search ค้นหาอะไรก็เจอ


Google Search คืออะไร ?

             Google Search เป็นเครื่องมือที่ให้บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ( Search Engine) ของเว็บไซต์ Google.com ที่โด่งดังที่สุดในปัจจุบัน ผู้ใช้งานเพียงเข้าเว็บไซต์ www.google.com จากนั้นพิมพ์คำหรือข้อความ ( Keyword) เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการค้นหา Google Search ก็จะแสดงเว็บไซต์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ Keyword เหล่านั้นทันที   Google Search สามารถค้นหาข้อมูลที่เป็นไฟล์รูปภาพ ( Images) , กลุ่มข่าว( News Groups) และ สารบนเว็บ ( Web Directory)
         บริการค้นหาข้อมูลของ Google Search แบ่งหมวดหมู่ของการค้นหาออกเป็น หมวดหลักด้วยกัน คือ




1. เว็บ ( Web) เป็นการค้นหาข้อมูลในรูปแบบของเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั่วโลก โดยการแสดงผลจะแสดงเว็บไซต์ที่มีคำที่เป็น Keyword อยู่ภายเว็บไซต์นั้น
2. รูปภาพ ( Images) เป็นการค้นหาไฟล์รูปภาพจากการแปลคำ Keyword
3. กลุ่มข่าว ( News Groups) เป็นการค้นหาข่าวสารจากกลุ่มสมาชิกที่ใช้บริการ Google News Groupsเพื่อรับส่งข่าวสารกันเองระหว่างสมาชิก โดยมีการระบุชื่อผู้เขียนข่าว หัวข้อข่าว วันที่และเวลาที่โพสต์ข่าว
4. สารบนเว็บ ( Web Directory) Google มีการจัดประเภทของเว็บไซต์ออกเป็นหมวดหมู่ ซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหาเว็บในเรื่องที่ต้องการตามหมวดหมู่ที่มีอยู่แล้วได้เลยทันที

ตัวอย่างการค้นหาข้อมูลด้วย Google
การค้นหารูป
         ความสามารถที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ชอบกันนักหนา และสร้างชื่อให้กับ Google ก็คือการค้นหารูปภาพด้วย Google Search  วิธีการใช้ก็คือ
1.  คลิกเมนูลิงค์ รูปภาพ จากนั้นก็พิมพ์ชื่อภาพที่ต้องการค้นหา และคลิกปุ่มค้นหารูปภาพ 

                 2. จะปรากฏรูปภาพทั้งหมดที่ต้องการ

 Google ค้นหาไฟล์ได้
         Google สามารถค้นหาไฟล์เอกสารที่สำคัญๆ ได้ดังนี้
- Adobe Portable Document Format ( ไฟล์นามสกุล . pdf)
- Adobe PostScript ( ไฟล์นามสกุล . ps)
- Lotus 1-2-3 ( ไฟล์นามสกุล . wk1, .wk2, .wk3, .wk4, .wk5, .wki, .wks และ     .  wku)
- Lotus WordPro ( ไฟล์นามสกุล . lwp)
- MacWrite ( ไฟล์นามสกุล . mw)
- Microsoft Excel ( ไฟล์นามสกุล . xls)
- Microsoft PowerPoint ( ไฟล์นามสกุล . ppt)
- Microsoft Word ( ไฟล์นามสกุล . doc)
- Microsoft Works ( ไฟล์นามสกุล . wks, .wps, .wdb)
- Microsoft Write ( ไฟล์นามสกุล . wri)
- Rich Text Format ( ไฟล์นามสกุล . rtf)
- Shockwave Flash ( ไฟล์นามสกุล . swf)
- Text ( ไฟล์นามสกุล . ans, .txt)
         รูปแบบของการค้นหาคือ ให้ผู้ใช้พิมพ์ "ชื่อเรื่องหรือชื่อเอกสาร" filetype: นามสกุลของไฟล์ ในช่อง Google ตัวอย่างเช่น "การเลี้ยงไก่" filetype:doc ซึ่งหมายถึง การค้นหาไฟล์เอกสารที่มีนามสกุล .doc เรื่อง การเลี้ยงไก่  


        สำหรับเว็บไซต์ที่ถูกลบไป  จะถูกบรรจุหรือจัดเก็บไว้ในเครื่องที่เรียกว่า Cache ของ Google  เช่น บางลิงค์ที่ผู้ใช้งานคลิกเข้าชมไม่ได้อันเนื่องมาจากถูกลบออกไปแล้ว ผู้งานก็เพียงแต่คลิกที่เมนู หน้าที่ถูกเก็บไว้  

ค้นหาหน้าเว็บที่มีข้อมูลคล้ายกันได้
         ในบางครั้งเมื่อ Cache จะไม่สามารถช่วยผู้ใช้ค้นหาเว็บไซต์นั้นได้ แต่ผู้ใช้งานสามารถค้นหาเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคล้ายกัน โดคลิกไปยังเมนู หน้าที่คล้ายกัน 

ค้นหาแบบวัดดวงกันบ้าง
         จะวัดดวงค้นหาเว็บไซต์ด้วย Google กันสักครั้งคงไม่เป็นไร เพราะถ้าดวงดีผู้ใช้ก็จะได้ไม่เสียเวลามานั่นเลือกให้เมื่อยตุ้ม โดยพิมพ์ Keyword สำหรับค้นหาเว็บไซต์ที่ต้องการจากนั้นคลิกที่ปุ่ม ดีใจจัง ค้นหาแล้วเจอเลย

ใช้ Google แทนเครื่องคิดเลขได้
         ผู้ใช้สามารถใช้ Google คำนวณตัวเลขด้วยเครื่องหมายในการคำนวณหลักๆ เช่น + = บวก ,
- = ลบ   ,  * = คูณ ,  / = หาร , ^ = ยกกำลัง

ค้นหาความหมายหรือนิยามของศัพท์เฉพาะ(เป็นภาษาอังกฤษ)
         Google สามารถค้นหาศัพท์เฉพาะได้ด้วยการพิมพ์ define: ศัพท์เฉพาะ


ค้นเนื้อหาข้อมูลในเว็บไซต์ที่ต้องการ
         ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลเฉพาะในเว็บไซต์ที่ต้องการได้ โดยการพิมพ์ ชื่อข้อมูลค้นหา site:เว็บไซต์ที่จะค้นหา ยกตัวอย่างเช่น การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ Spyware ในเว็บไซต์ของกระปุก โดยการพิมพ์ Spyware site: www.kapook.com


การค้นหาข้อมูลแบบละเอียด( Advance Search)
         เพื่อความแม่นยำในการค้นหาข้อมูล ผู้ใช้สามารถกำหนดเงื่อนไขในแบบที่ละเอียดได้ไม่ยาก เพราะ Google ได้เพิ่มรูปแบบในการกำหนดเงื่อนไขสำเร็จรูปมาให้เรียบร้อยแล้ว โดยคลิกไปยังเมนูค้นหาแบบละเอียด ด้านขวามือ ก็จะเข้าสู่หน้าค้นหา

ตัวอย่างการใช้งาน  Google

                 ถ้าเราต้องการค้นหา คำว่าฟิสิกส์ เราทำได้โดยพิมพ์คำว่า ฟิสิกส์  ลงในช่องสำหรับใส่คำที่ต้องการค้นหา ( keyword) แล้วกดปุ่ม ค้นหาโดย Google

การค้นหาจะแจ้งจำนวนเว็บที่แสดง จำนวนเว็บที่พบ และเวลาที่ใช้ในการค้นหา ในกรณีที่การค้นหาพบข้อมูลมากกว่า ที่จะแสดงในได้หมดใน 1 หน้า ทาง www.google.com ก็จะแสดงหน้าถัดไปได้โดยเราสามารถแถบ ที่ตอนล่างของหน้า Web Site

การค้นหาของ www.goole.co.th  จะมีคำสั่งในการค้นหาโดย

1.    Google จะใช้เงื่อนไข และ” (and) ในการค้นหาในรูปแบบของประโยคอยู่เสมอ เช่น ถ้าเราต้องการค้นหาประโยคที่ว่า ฟิสิกส์ โมเมนตัม
2      ถ้าเราต้องการใช้เงื่อนไข หรือ” (OR)  สำหรับเชื่อมคำที่ต้องการ คือ นำผลที่ค้นหาได้ของทั้งหมดมารวมกัน ซึ่งเราทำได้โดยใช้คำวjk OR เป็นตัวอักษรใหญ่ระหว่างค่าที่ต้องการค้นหา เช่น ถ้าเราต้องค้นหาว่าประโยคที่ว่า ฟิสิกส์ OR โมเมนตัม
3.การค้นหาของ google สามารถค้นหาแบบเป็นกลุ่มคำหรือเป็นวลีเราสามารถใช้เครื่องหมาย “     ”   เช่น “physics momentum”
4.Google จะสามารถค้นหาไฟล์ในรูปแบบอื่น ๆ โดยประเภทไฟล์ที่รองรับคือ
-                   Adobe Portable Document Format (มีนามสกุล เป็น pdf)
-                   Adobe Post Script (มีนามสกุลเป็น ps)
-                   Lotus 1-2-3 (มีนามสกุลเป็น wk 1, wk2, wk3, wk4, wk5, wki, wks, wku)
-                   Lotus Wordpro (มีนามสกุลเป็น lwp)
-                   MacWrite (มีนามสกุลเป็น mw)
-                   Microsoft Word (มีนามสกุลเป็น doc)
-                   Microsoft Excel (มีนามสกุลเป็น xls)
-                   Microsoft Power Point (มีนามสกุลเป็น ppt )
-                   Text File  (มีนามสกุลเป็น txt )
                      เราสามารถค้นหาโดยระบุชนิดของไฟล์ที่เราต้องการค้นหาได้โดยใช้ค่าว่า filetype : แล้วตามด้วยนามสกุลของไฟล์ที่เราต้องการค้นหา เช่นตามด้วยนามสกุลของไฟล์ที่เราต้องการค้นหา เช่น

                  คือเราต้องการค้นหา Website ที่เกี่ยวข้องกับฟิสิกส์โดยมีรูปแบบไฟล์เป็นที่มีนามสกุล pptคือเป็นไฟล์ Microsoft Power Point  จะได้ผลการค้นหาต่อไปนี้
                  ซึ่งเราสามารถ download มาเก็บไว้ในเครื่องของเรา ได้โดยคลิกเมาส์ขวาแล้วเลือกแถบSave Target As
5. Google  สามารถตัดคำที่เป็นคำพ้องรูปโดยใช้เครื่องหมาย  “   -   ” เช่นคำว่า bassมีความหมายเกี่ยวกับปลาและดนตรี ในเวลาที่เราต้องการตัดความหมายเกี่ยวกับดนตรีก็ทำได้โดยพิมพ์ว่า bass-music  นอกจากนี้ยังสามารถตัดชนิดของไฟล์ที่ต้องการค้นหาได้ เช่น ต้องการค้นหาคำว่า bassโดยตัดการค้นหาชนิดไฟล์ที่เป็น pdf ออกก็ทำได้โดยพิมพ์ bass -filetype : pdf
6.ในการค้นหาโดยปกติแล้ว Google จะละคำทั่ว ๆ ไปในภาษาอังกฤษ เช่น the, to, of และอักษรตัวเดียวเพราะจะทำให้การค้นหาช้า แต่ถ้าเราต้องการรวมคำเหล่านั้นในการค้นหาทำได้โดยใช้เครื่องหมาย ไว้หน้าคำนั้นโดยต้องเว้นวรรคก่อน เช่น back + to nature





Chrome บนมือถือ 

              ส่วนขยาย Chrome บนมือถือจะช่วยให้คุณสามารถส่งหน้าเว็บจากคอมพิวเตอร์ไปยังแท็บเล็ตหรือโทรศัพท์ของคุณได้ในขณะที่กำลังใช้งาน Chrome อยู่ คุณสามารถใช้ส่วนขยายนี้เพื่อสร้างสำเนาหน้าเว็บให้พร้อมใช้งานสำหรับการดูแบบออฟไลน์บนโทรศัพท์ได้

ตั้งค่า Chrome บนมือถือ 

              หากต้องการใช้ Chrome บนมือถือ คุณจะต้องติดตั้ง Chrome และเปิดใช้งานส่วนขยายดังกล่าวบนโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ของคุณ ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณ:

 ติดตั้ง Chrome สำหรับมือถือ 

.แอนดรอยด์
 .iPad/iPhone/iPod Touch
                 1. เมื่อติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ให้ลงชื่อเข้าใช้ Chrome
                 2.หลังจากที่คุณลงชื่อเข้าใช้แล้ว โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริการ Chrome บนมือถือถูกเปิดใช้งานแล้ว

ในคอมพิวเตอร์ของคุณ ให้ทำดังนี้

                 1. เพิ่มส่วนขยาย Chrome บนมือถือจาก Chrome เว็บสโตร์ลงในเบราว์เซอร์ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนขยาย
                 2. คลิกไอคอน Chrome บนมือถือ Chrome บนมือถือ ในแถบที่อยู่
                 3.คลิก เชื่อมต่ออุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณ
                4.เลือกบัญชีเดียวกันกับที่คุณใช้ในการลงชื่อเข้าใช้ Chrome บนโทรศัพท์มือถือของคุณ
                5.คลิก อนุญาตให้เข้าถึง

ส่งหน้าเว็บ 

              หากต้องการส่งหน้าเว็บ Chrome ที่คุณกำลังดูบนคอมพิวเตอร์ไปยังอุปกรณ์เคลื่อนที่ ให้คลิกไอคอน Chrome บนมือถือ Chrome บนมือถือ ในแถบที่อยู่
              หากคุณมีหลายอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ ให้เลือกอุปกรณ์ที่คุณต้องการส่งหน้าเว็บไปให้
              หากคุณต้องการรวมสำเนาแบบออฟไลน์ไว้ ให้เลือกช่องทำเครื่องหมาย
2.คลิก ส่ง
             หน้าเว็บจะเปิดบนโทรศัพท์มือถือของคุณโดยอัตโนมัติหากมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไว้ หากคณส่งสำเนาแบบออฟไลน์ไป อุปกรณ์จะเริ่มดาวน์โหลดที่พื้นหลัง คุณสามารถดูประวัติของหน้าเว็บที่คุณส่งได้โดยการแตะ เมนู > อุปกรณ์อื่น > ได้รับจากอุปกรณ์อื่น